เทียร่า ขันทอง เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในครอบครัวของคุณจ๋า – อินทิรานี ขันทอง กรรมการผู้จัดการ และ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเทียร่า ขันทอง โดยเริ่มจากจุดที่เล็กที่สุดในสังคมคือ “ครอบครัว” สู่เป้าหมายในการส่งต่อความช่วยเหลือสู่จุดที่กว้างขึ้นแก่ชุมชน และสังคม โดยมองว่า การพัฒนาคุณภาพชีวิตของครอบครัวเป็นประเด็นรากฐานที่สำคัญของสังคม ทำงานผ่านกระบวนการสนับสนุนชุมชนโดยตรงเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขจัดปัญหาความยากจนในประเทศไทย ตลอดจนปัญหาสุขภาพของคนในสังคม ด้วยการเลือกใช้วัสดุสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ ไปพร้อม ๆ กับการสร้างคุณภาพชีวิตของคนในครอบครัว เพื่อทำให้ลูกค้า หรือผู้ที่สนับสนุนธุรกิจเพื่อสังคมนี้ได้เพลิดเพลินกับผลิตภัณฑ์ รวมถึงมีความเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ของ เทียร่า ขันทอง จะดีต่อสุขภาพของลูกค้า และเป็นธุรกิจเพื่อสังคมที่สามารถสร้างผลลัพธ์ทางสังคมที่ยั่งยืนได้
จุดเริ่มต้นจากครอบครัว สู่ เทียร่า ขันทอง
ปี พ.ศ. 2559 จุดเริ่มต้นของ เทียร่า ขันทอง วิสาหกิจเพื่อสังคม เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในครอบครัว โดยคำว่า “ขันทอง” มาจากนามสกุลของผู้ก่อตั้ง มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของครอบครัวเป็นอย่างแรก และส่งต่อความช่วยเหลือ ความรัก ความปรารถนาดีสู่ชุมชน และ สังคม คุณจ๋าเชื่อมั่นในพลังของความรัก โดยมีสโลแกนประจำใจที่ยึดมั่นมาตลอด คือ “Small Is Beautiful” จึงเป็นที่มาของการที่ เทียร่า ขันทองต้องการเป็นส่วนเล็ก ๆ ของสังคม ที่จะช่วยสร้าง Impact ให้กับครอบครัว และสังคมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
คุณภาพชีวิตของคนในครอบครัว คือปัญหาสังคมที่ต้องการแก้ไข
“จุดเริ่มต้นที่ก่อตั้งธุรกิจเพื่อสังคมนี้ขึ้นมา คือต้องการแก้ไขปัญหาความยากจน และพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในครอบครัว เราใช้วิธีการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ และเชื่อว่าการเสริมพลัง (empower) ให้องค์กรที่เราทำงานด้วยเป็นสิ่งสำคัญ เราจะไม่จ้างบุคคลภายนอกเข้ามาทำงาน แต่เราจะใช้วิธีทำงานกับวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งจะเห็นได้จากการที่เราทำงานร่วมกับวิสาหกิจชุมชนที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ชาและกาแฟ
โดยเราเข้าไปสร้างรายได้กับชุมชนดอยปู่หมื่น ให้คนในชุมชนมีงานทำ มีรายได้ ทำให้เขามีแรงบันดาลใจ และภูมิใจว่าสินค้าที่กำลังผลิตอยู่นี้ เป็นการสร้างอาชีพที่สืบทอดด้านการเกษตรกรรม และจากการทำงานร่วมกันนี้เอง เทียร่า ขันทอง ก็มีส่วนทำให้คนในสังคมเห็นคุณค่า จากการที่มีลูกค้าชอบผลิตภัณฑ์ที่ชุมชนผลิต ถือเป็นการสร้าง impact โดยตรงจากการทำงานของเรา จ๋าเชื่อว่าเราจะขจัดความยากจนได้ โดยยึดหลักความเพียร และ ความพอเพียง”
โมเดลธุรกิจ และผลลัพธ์ทางสังคม
“เทียร่า ขันทอง ใช้โมเดลธุรกิจครอบครัวที่ทุกคนในครอบครัวมีหน้าที่รับผิดชอบชัดเจน ใช้ความรัก ความเมตตาในครอบครัวเป็นหลัก นอกจากจะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องคุณภาพชีวิตของคนในครอบครัวได้แล้ว ยังสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อสังคมอีกด้วย ซึ่งการวัดผลลัพธ์ทางสังคมนั้น เราวัดจากการที่เราเข้าไปสร้าง Impact ให้กับคนที่เราช่วยเหลือออกมาเป็นตัวเลข ได้แก่ รายได้ของคนในชุมชนที่เพิ่มขึ้น จำนวนลูกค้าที่สนับสนุนสินค้า จำนวน Supplier ที่เราเข้าไปร่วมทำงานเป็น Partner ด้วย และอีกส่วนหนึ่ง คือ การวัดผลลัพธ์จากคุณค่าทางจิตใจที่เกิดขึ้น นั่นคือ บุญหรือความสบายใจที่เกิดขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องแสดงตัวเลข เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน
สำหรับเป้าหมายขององค์กรในแต่ละปีก็จะสอดคล้องไปกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เช่น ในปี พ.ศ. 2565 เทียร่า ขันทอง เน้นการสร้างผลลัพธ์ทางด้านสุขภาพเป็นประเด็นหลัก จากการที่พัฒนาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เราจะนำเงินไปสนับสนุนให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ด้วย รวมถึงมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่สังคมต่อไป”
เส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงองค์กรให้อยู่รอด
“จากผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องปิดหน้าร้านลงหลายแห่ง ขณะนี้ ผลิตภัณฑ์ของเราจำหน่ายเฉพาะที่ ร้านแคบเบจส์ แอนด์ คอนดอม ซ. สุขุมวิท 12 เพียงแห่งเดียวค่ะ ด้วยเหตุการณ์โรคระบาดดังกล่าว เทียร่า ขันทอง จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนจากเดิมที่พัฒนาแบรนด์เทียนหอมสำหรับลูกค้านักท่องเที่ยว มาเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อสุขภาพสำหรับผู้บริโภค คือ “ชาปู่หมื่น” ซึ่งเป็นชาดำออร์แกนิค และปรับวิธีจำหน่ายผลิตภัณฑ์เป็นการขายผ่านช่องทางออนไลน์ 100%”
ปัจจุบัน เทียร่า ขันทอง มีรายได้มาจาก 3 ช่องทางหลัก คือ
1. การจำหน่ายผลิตภัณฑ์เทียนหอม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของงานการศึกษาเพื่อสันติภาพ Peaceful Lighting for People and Planet ที่เป็นสินค้าหลัก
2. การจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ชา กาแฟ เพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
3. การให้บริการสร้างเครือข่ายเพื่อช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงการได้รับเงินทุนสนับสนุน และการระดมทุนผ่านเครือข่ายต่าง ๆ
“รายได้หลักของเทียร่า ขันทอง มาจากการจำหน่ายเทียนหอม ซึ่งเราปรับจากการเป็นสินค้า Luxury สู่การเป็นสินค้า Lifestyle ที่เหมาะกับทุกคน เป็นสินค้าที่สามารถนำมาประดับตกแต่งภายในบ้านได้ โดยเฉพาะช่วงที่คนเริ่มทำงานแบบ Work From Home ทำให้สินค้าของเราเริ่มขายดี เราไม่ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพียงอย่างเดียว คนทั่วไปเริ่มซื้อสินค้าของเราเพื่อปรับบรรยากาศบ้านให้รู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้มีรายได้เข้ามาเรื่อย ๆ ยิ่งขายดีมากขึ้นเมื่อทำ Flash Sale และโปรโมทร่วมกับแคมเปญการตลาดต่าง ๆ
นอกจากนี้รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ประเภท ชา และ กาแฟ ชื่อ “ชาปู่หมื่น” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่องค์กรของเรามีความสุขใจจากการทำงานร่วมกับชาวเขาเผ่าลาหู่ จังหวัดเชียงใหม่ ที่เราได้ออกแบบแพ็กเกจโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากประเพณีอันดีงามของชาวเขาเผ่าลาหู่ และลวดลายผ้าชุดของชาวเขาที่ใส่ เพื่อบ่งบอกและแสดงอัตลักษณ์ว่าชานี้มาจากทางชาวเขาจริง ๆ นอกจากเรื่อง Packaging แล้วเรายังดูแลในส่วนของรายได้เป็นหลักรวมถึงสร้างคุณค่าที่นอกจากจะมีลูกค้ามาซื้อผลิตภัณฑ์ของเราแล้ว ยังทำให้เกิดรายได้สู่ชุมชน และความสุขก็จะกลับคืนสู่ชาวเขาซึ่งเป็นกลุ่มคนกลุ่มเล็ก ๆ ที่ผู้คนในสังคมอาจจะหลงลืมว่าจริง ๆ แล้วพวกเขาก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ไม่แพ้กัน ทางเทียร่า ขันทอง ก็ได้ช่วยเหลือวิสาหกิจชุมชนชาดอยปู่หมื่น ด้วยการซื้อวัตถุดิบจากชาวดอยโดยตรงในราคายุติธรรม เพื่อที่จะนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมขายให้กับลูกค้าทั่วไปได้บริโภคชาอัสสัมรสชาติเข้มข้นที่อร่อยและมีคุณภาพ
โดยเมื่อคุณซื้อชาของเราทุก ๆ กล่อง เราจะมอบชานมถั่วเหลืองหนึ่งถ้วยให้กับผู้ขาดแคลน และมอบให้กับน้อง ๆ ที่มาเรียนศิลปและดนตรี ที่ Samchuk Art House ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัว ที่สุพรรณบุรี อีกทั้ง รายได้ส่วนหนึ่งเราก็ถวายให้กับท่านเจ้าคุณอลงกต ติกฺขปญฺโญ วัดพระบาทน้ำพุ เพื่อให้ท่านนำไปช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักจริง ๆ ตามต่างจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เองหรือโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ให้เขาได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
สำหรับรายได้อีกช่องทางของ เทียร่า ขันทอง จริง ๆ แล้วเราต้องขอขอบคุณทาง SE Thailand ซึ่งเป็นปีแรกที่เราได้ Pitch ขอทุนจากองค์กรภายนอก คือ TBN Asia จากประเทศสิงคโปร์ และได้รับเงินทุนเข้ามาจำนวนหนึ่ง ซึ่งในสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ก็ทำให้องค์กรอยู่รอด โดยเรานำเงินสนับสนุนนี้มาบริหารองค์กรในด้านต่าง ๆ และได้นำไปซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกรโดยตรงในราคาที่เป็นธรรม
สุดท้ายที่เป็นความชอบส่วนตัว คือ การบริการ Networking เรามีการจัดงานระดมทุน ให้เพื่อน ๆ ในเครือข่ายที่รู้จักกันได้พบปะ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ มีการพูดถึงธุรกิจของตนเอง ได้ร่วมกันบริจาคสิ่งของ เงิน และนำไปส่งต่อให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบในส่วนต่าง ๆ อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งก่อนหน้านี้เราใช้การระดมทุนเป็นรายได้หลัก โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้เราก็ได้ส่งยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร และ หน้ากากอนามัย ให้แก่ 5 ชุมชน ในประเทศไทย ดังนี้
1. ศูนย์สุขภาพชุมชนหัวโค้ง คลองเตย กรุงเทพฯ
2. ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กรุงเทพฯ
3. วัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี
4. วัดท่าคอยนาง จังหวัดศรีสะเกษ
5. ฉันมีฟาร์มสุข จังหวัดสุพรรณบุรี
นอกจากนี้ เทียร่า ขันทอง ยังได้จัดกิจกรรมพิเศษ เช่น ในวันคล้ายวันเกิดของสมาชิกในครอบครัว (ผู้ร่วมก่อตั้ง) เราก็ได้ทำการเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กพิเศษที่ศูนย์การเรียนรู้พิเศษประภาคารปัญญา มูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ เป็นประจำทุกปี ครอบครัวของเราไม่ได้ร่ำรวยก็จริง เราเป็นครอบครัวข้าราชการ ฐานะปานกลาง แต่เราพอแล้ว เราอยู่อย่างพอเพียง ในชีวิตนี้ เราตั้งจิตที่จะสร้างบุญกิริยาวัตถุ 10 โดยให้ความช่วยเหลือกับผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ก่อน เป็นการสละ เวลา แรงกาย แรงใจ แรงปัจจัย เสียสละความสุขส่วนตน เพื่อประโยชน์ส่วนรวม
ทุก ๆ เช้าที่จ๋าตื่นขึ้นมา จ๋ายิ้มกว้าง บอกกับตัวเองว่าเราโชคดีมากขนาดไหน ก็ได้เกิดในดินแดนประเทศไทย และพานพบพระพุทธศาสนา จ๋ามีเพื่อนต่างชาติเยอะมาก และส่วนใหญ่ต้องการที่จะอยู่เมืองไทยให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่จ๋าเป็นคนไทยโดยกำเนิด เกิดที่นี่ โตที่นี่ และจะขอตายที่นี่ จ๋าขอทำงานเพื่อตอบแทนบิดามารดาและผู้มีพระคุณ ตอบแทนคุณแผ่นดิน จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จนกว่าจะหมดลมหายใจ
Gifts of the Kingdom
“สิ่งที่เทียร่า ขันทอง ยึดมั่นมาตลอด คือ ต้องการทำให้เทียนหอมเป็นของขวัญ ให้ผลิตภัณฑ์เป็น Gifts of the Kingdom เป็นสินค้าที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ จุดเด่นของ เทียร่า ขันทอง คือ
มีรูปแบบผลิตภัณฑ์เทียนหอมที่ไม่เหมือนใคร เป็นผลิตภัณฑ์ที่แสดงออกถึงความเป็นไทย ชูศิลปวัฒนธรรมไทยในการผลิตและการออกแบบ ซึ่งเทียนหอมนี้ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่รูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง แต่กลิ่นของเทียนหอมเองก็เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ เช่น กลิ่นเทศกาลสงกรานต์ กลิ่นเทศกาลลอยกระทง และ ในผลิตภัณฑ์นั้นจะมีการ์ดเล็ก ๆ ที่ซ่อนเรื่องราวความเป็นไทยให้นักท่องเที่ยวได้ทราบว่า กลิ่นของเทียนหอมนั้นมีความสัมพันธ์กับประเพณี และวัฒนธรรมไทยในเรื่องใดบ้าง เช่น กลิ่นสงกรานต์ มีความเป็นกลิ่นของดอกมะลิผสมกับกลิ่นของดอกไม้ไทยอื่น ๆ ถือเป็นกลิ่นที่มีเอกลักษณ์มาก และทำให้นักท่องเที่ยวชื่นชอบ
นอกจากนี้เนื้อในของเทียนหอมยังทำมาจากวัสดุธรรมชาติ 100% คือจากไขถั่วเหลืองที่ปลอดสารเคมี และสารเจือปนจากพาราฟินที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ น้ำหอมเองก็สกัดมาจาก Essential Oil ที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ โดยเฉพาะตอนนี้เราอยู่บ้านแล้วมันเป็นสินค้าที่เราจำเป็นต้องมีเมื่อเราอยากผ่อนคลายจากการทำงานที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาทั้งวัน กลิ่นเทียนจะช่วยปรับอารมณ์ให้เราผ่อนคลาย ทำให้ลูกค้าที่สนับสนุน และซื้อผลิตภัณฑ์ไป ได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพ และเพลิดเพลินกับกลิ่นหอมได้อย่างสบายใจ
โดยที่เชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์จาก เทียร่า ขันทอง จะดีต่อสุขภาพ”
นอกจากเทียนหอมแล้ว “ชาปู่หมื่น” ชาเพื่อสุขภาพที่เทียร่า ขันทองได้พัฒนาในฐานะผลิตภัณฑ์ใหม่
ในปี 2565 นี้ เทียร่า ขันทอง ได้รับเกียรติจากกระทรวงการต่างประเทศ ให้เป็นพันธมิตรด้านการประชาสัมพันธ์ (Communication Partnership) ของการเป็นเจ้าภาพของไทยในกรอบ APEC ซึ่งจะให้ความสำคัญกับ SMEs ด้านเกษตรกรรมในการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน มีส่วนร่วมในเศรษฐกิจของกลุ่มเปราะบางและชนกลุ่มน้อย ในเขตเศรษฐกิจเอเปค โดยร่วมเป็นพันธมิตรกับกระทรวงการต่างประเทศ ในการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ชาปู่หมื่น สำหรับศูนย์ข่าวเอเปค สร้างการรับรู้กับผู้แทนที่เข้าร่วมประชุมที่สำคัญ รวมถึงเผยแพร่ตราสัญลักษณ์เอเปคในบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ชาปู่หมื่น เทียร่า ขันทอง รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นเจ้าภาพที่ดี ส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในครั้งนี้ค่ะ
ชาปู่หมื่น ยังได้รับการโปรโมทให้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ขององค์กรตัวแทน Social Enterprise ประเทศไทยที่สนับสนุนชุมชน เราสื่อสารให้ผู้แทนจากต่างประเทศที่เข้าร่วมประชุมนี้ได้รู้ว่าเรามีผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนชุมชน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (BCG) ซึ่งเป็นความพยายามในโปรโมทเพื่อสร้างการรับรู้ว่าแม้เราจะเป็น SE เล็ก ๆ แต่ก็อยู่แนวหน้า มีความสามารถในการประชาสัมพันธ์ให้นานาชาติได้รู้จักแบรนด์ของประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่ เทียร่า ขันทอง ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และอยากให้ทุกท่าน โดยเฉพาะคนไทยมีความภาคภูมิใจในการนำเสนอแบรนด์ของคนไทยค่ะ”
เมื่อต้องโต้คลื่นฝ่ากระแสลมแห่งความท้าทาย
การทำธุรกิจแน่นอนว่าจะต้องพบเจอปัญหาและอุปสรรคเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ซึ่งเทียร่า ขันทอง มีวิธีการแก้ปัญหาโดยการปรับองค์กรแบบ Organizational Resilience คือ เราต้องอดทน ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยเน้นการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างสนุกสนาน เพื่อแก้ปัญหาให้ได้อย่างรวดเร็ว และตรงจุด
“จากสถานการณ์โควิด 19 ส่งผลให้ทางเทียร่า ขันทองต้องปิดหน้าร้านจำหน่ายของที่ระลึก สำหรับนักท่องเที่ยว ไม่มีการจ้างพนักงานในการแนะนำสินค้าหน้าร้าน เราคิดว่าล้มแล้วต้องลุกให้ได้อย่างรวดเร็ว องค์กรจึงได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การจัดจำหน่ายเป็นการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์ม Shopee และ ได้เข้าไปเป็น Partner กับทางบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ด้วยการนำสินค้าไปวางขายที่ ShopAt24 ให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ และสามารถรับสินค้าฟรีไม่เสียค่าขนส่ง ได้ที่เซเว่น-อีเลฟเว่นใกล้บ้าน นอกจากนี้เราต้องปรับตัว เพื่อทำให้ธุรกิจของเราอยู่รอด โดยยึดแนวทางที่ว่า เทียร่า ขันทองจะไม่ทำธุรกิจคนเดียว แต่เราจะเป็น Partner กับธุรกิจอื่น ๆ ด้วย”
สังคมแห่งความสงบสุข
ทางเทียร่า ขันทองมีเป้าหมายสูงสุดคือ อยากให้สังคมเปลี่ยนแปลงไปเป็นสังคมแห่งสันติภาพ เน้นการดูแลจิตใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และเชื่อว่าทุกคนจะให้ความสำคัญกับสังคมมากขึ้น
“อยากเห็นประเทศไทยมีกระทรวงการสันติภาพ พี่คิดว่าทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องจิตใจมันสำคัญยิ่งและยังต้องการให้สังคม เป็นสังคมแห่งความสันติสุข เป็นสิ่งที่พี่ใฝ่ฝันและเป็นเป้าหมายสูงสุดจริง ๆ”
“สิ่งสำคัญที่เราจะร่วมกันทำอย่างแน่นอน คือการมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพซึ่งผ่านการทำงานหลายขั้นตอนมาก ๆ เราไม่ต้องการให้คนทั่วไปซื้อสินค้าเพราะความสงสาร แต่เราต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพจริง ๆ และในขณะเดียวกันก็สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งของผู้สนับสนุนสินค้าของเรา และผู้ผลิต ซึ่งกำลังใจหลักในการพัฒนาสินค้าก็มาจากเสียงตอบรับของลูกค้า ที่ต่างก็กล่าวขอบคุณที่เราได้พัฒนาผลิตภัณฑ์นี้มา ไม่ว่าจะเป็นเทียนหอม ที่ลูกค้าบอกว่ามีความน่ารัก หอมสดชื่น ทำให้มีสมาธิอยู่กับปัจจุบันมากขึ้น เวลาจุดเทียนแล้วเห็นประกายแสงระยิบระยับจากแก้วเทียนเสมือนอยู่ท่ามกลางอัญมณี เป็นแสงแห่งความหวัง เสริมสิริมงคลกับชีวิต เป็นต้น หรือชาดำออร์แกนิคที่ดื่มทุกวันแล้วรู้สึกดีต่อสุขภาพมาก รู้สึกผอมลง ผิวพรรณเปล่งปลั่งผ่องใส สุขภาพดีจากภายใน ชอบกาแฟรสเข้มที่ไม่ใส่น้ำตาล รวมถึงจะแนะนำสินค้าให้ญาติพี่น้องคนที่ลูกค้ารัก และเป็นลูกค้ากันตลอดไป คำติชมเหล่านี้ ถือเป็นดั่งน้ำทิพย์ชโลมจิตใจให้เรามีกำลังใจในการทำงาน เพื่อให้ธุรกิจเพื่อสังคมนี้สร้าง impact สู่สังคม ประเทศชาติ และโลกของเราต่อไป”
“สุดท้ายอยากจะขอฝากให้ติดตาม และ สนับสนุนผลิตภัณฑ์ของเทียร่า ขันทอง ไม่ว่าจะเป็นชา กาแฟ และเทียนหอม ผ่านช่องทาง Facebook Page ที่ชื่อว่า “ Tiara Ranee และ Tiara WeShare” และท้ายที่สุดนี้ เทียร่า ขันทองยังเป็นธุรกิจเริ่มต้นจึงยังมองหา Partner เพื่อเข้ามาทำงานร่วมกัน หรือท่านใดต้องการสินค้าเป็นจำนวนมาก ต้องการให้เราเป็น Supplier จัดทำสินค้า ของขวัญ ของที่ระลึกแบบพิเศษไม่เหมือนใครสำหรับงานอีเวนท์ในจำนวนมากเราก็รับทำพร้อมเสนอส่วนลด เพียงระบุว่า SE Thailand หากท่านใดสนใจสามารถติดต่อผ่านทาง Facebook Page ได้เลยค่ะ”
“เราไม่ต้องการให้คนทั่วไปซื้อสินค้าเพราะความสงสาร แต่เราต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพจริง ๆ และในขณะเดียวกันก็สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งของผู้สนับสนุนสินค้าของเรา และผู้ผลิต”
Photo Credit : อนุวัฒน์ อยู่สุข/ พยุงศักดิ์ ไชยกอ/ สยาม เอี่ยมพิชัยฤทธิ์
