
“เงินทุน” เป็นทรัพยากรที่สำคัญ หายากและมีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นในวันนี้พวกเราจะพาไปเรียนรู้ลักษณะที่สำคัญของเงินทุนที่ผู้ประกอบการควรรู้ ทั้งกรณีที่เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม และกรณีที่ไม่ใช่วิสาหกิจเพื่อสังคมตามพ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมก็ตาม จะมีช่องทางหาทุนอย่างไรเพื่อนำมาใช้ในการประกอบกิจการ ซึ่งวันนี้เราได้รับเกียรติจาก คุณไพบูลย์ ดำรงวารี ผู้อำนวยการฝ่ายจดทะเบียนหลักทรัพย์ 2 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งทางสมาคมฯ ได้รวบรวมประเด็นที่น่าสนใจเอาไว้มากมายพร้อมให้คุณได้อ่านและเรียนรู้ไปด้วยกัน
ช่วงแรก : ทำความรู้จักกับตลาดทุน และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ตลาดทุนคืออะไร
หลายๆท่านที่เคยลงทุนซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นอาจจะคุ้นชินกับคำว่าตลาดทุน แต่หลายท่านที่เป็นเจ้าของกิจการและไม่เคยลงทุนในตลาดทุนอาจจะสงสัยว่าตลาดทุนคืออะไร ตลาดทุนอธิบายโดยง่ายคือ ตลาด หมายถึง ที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า ดังนั้น ตลาดทุน หมายถึง ที่แลกเปลี่ยนเงินทุนนั่นเอง ดังนั้นคนลงทุน คือคนที่มีเงินเหลือ มีเงินออมต้องการเอาเงินดังกล่าวไปลงทุนเพื่อให้ผลิดอกออกผล ส่วนคนที่ต้องการเงินทุนคือเจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการก็จะเข้ามาในตลาดเพื่อหาว่ามีเงินทุนจากตรงไหนบ้างเพื่อเอาไปขยายกิจการของตน
สิ่งที่แลกเปลี่ยนกันในตลาดทุนคืออะไร
คนที่มีเงินออมก็จะใส่เงินเข้าไปผ่านตลาดนี้คนที่ต้องการได้เงินก็ได้รับเงินไปใช้ในการดำเนินกิจการ ตลาดทุนคือสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน โดยกิจการหรือคนที่ต้องการได้เงินก็ต้องตอบแทนอะไรแก่ผู้ลงทุน เช่น หุ้น ซึ่งการลงทุนในหุ้นเปรียบเสมือนเราเป็นเจ้าของกิจการ ถ้ากิจการได้กำไรเราก็จะได้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากหุ้นที่ถือ ในทางกลับกันถ้ากิจการขาดทุน เราก็อาจไม่ได้รับเงินปันผล แถมมูลค่าหุ้นอาจลดลงจนอาจสูญเสียเท่ากับเงินที่เราลงทุนไป จึงต้องรับความเสี่ยงสูงจากการลงทุนในหุ้น ส่วนในการลงทุนหุ้นกู้คือเราจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยตามที่ตกลงกับกิจการ และจะได้รับเงินต้นคืนในระยะเวลาที่กำหนด เสมือนเราเป็นเจ้าหนี้ของกิจการ สิ่งที่ผู้ลงทุนจะได้รับคือดอกเบี้ยและเงินต้นไม่ว่ากิจการจะทำกำไรได้เท่าไหร่ก็จะได้รับดอกเบี้ยและเงินต้นตามที่ตกลงกัน
การเข้าตลาดทุนดีอย่างไร มีประโยชน์อย่างไรกับกิจการ
การเข้าตลาดทุนต้องพิจารณาจากหลายๆปัจจัย อย่างแรกเพราะต้องการทำให้องค์กรมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก เพราะถ้าได้เข้ามาในตลาดทุนซึ่งเป็นที่ระดมทุนในวงกว้าง องค์กรหรือบริษัทก็จะยิ่งเป็นที่รู้จักโดยเฉพาะถ้าเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ (SET หรือ mai) ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์และ ก.ล.ต. กำหนดว่าบริษัทมีหน้าที่ต้องเปิดเผยข้อมูลให้กับผู้ลงทุน โดยข้อมูลต้องถูกต้องมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นการดึงจุดแข็งที่เป็นประโยชน์ต่อกิจการออกมา นอกจากนี้กิจการในตลาดทุนจะมีคนรู้จักเยอะ จึงสามารถดึงดูดให้คนที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมงานกับกิจการได้มากขึ้น
ก.ล.ต. คือใคร
ก.ล.ต. คือ สำนักงานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ มีหน้าที่กำกับและพัฒนาตลาดทุนให้น่าเชื่อถือ มีประสิทธิภาพและสังคมทุกภาคส่วนเข้าถึงได้ และ ก.ล.ต. ยังมีหน้าที่พัฒนาตลาดทุนทุกรูปแบบ
จากที่เกริ่นไว้ตอนต้นว่า ก.ล.ต. ให้ความสำคัญกับธุรกิจทุกประเภท เมื่อก่อนคนจะคิดว่าตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ SET mai มีขึ้นสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่เท่านั้น ดังนั้นในช่วง2 ปีหลัง เราพยายามผลักดันช่องการระดมทุนในตลาดทุน เพราะตลาดทุนถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งนอกเหนือจากการที่กิจการจะไปกู้ยืมกับสถาบันการเงิน ตลาดทุนนับเป็นแหล่งเงินทุนอีกแหล่งหนึ่งที่กิจการสามารถมาใช้ได้ ดังนั้น ก.ล.ต. เองจึงพยายามดูว่าวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม SME และวิสาหกิจเพื่อสังคม เขามีช่องทางในการระดมทุนหรือยัง ถ้ายังไม่มีเราก็ต้องเปิดช่องทางพวกนี้ทำให้กิจการแต่ละประเภทสามารถระดมทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพตามโครงสร้างของกิจการ ทั้งนี้การที่ ก.ล.ต. จะออกกฎเกณฑ์อะไรจะคำนึงถึง 2 อย่างเสมอ อย่างแรกคือ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้นทุนเหมาะสมและอย่างที่สองทำให้ผู้ลงทุนในหุ้น, หุ้นกู้ของกิจการได้รับความคุ้มครองในระดับที่เหมาะสมกับตัวที่ลงทุน
ช่วงที่สอง : เจาะลึกวิธีจัดหาเงินทุนของวิสาหกิจเพื่อสังคม
โดยทั้งหมดที่จะมาเล่ากันในวันนี้จะมีกิจการอยู่ 2 ประเภทหลักๆ
- ประเภทแรก คือ กิจการวิสาหกิจเพื่อสังคมตามพ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. 2563
- ประเภทที่สอง คือ กิจการที่เป็น SME วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแต่มีธุรกิจที่อาจจะเป็นการส่งเสริม สนับสนุน มีวัตถุประสงค์เพื่อสังคม เช่น เป็นกิจการทั่วไปแต่ผลิตภัณฑ์มาจากวัสดุธรรมชาติ ลดโลกร้อน ไม่ได้ทำมาจากพลาสติกหรือทำเป็น packaging ส่งออก ซึ่งเรามองว่ากิจการพวกนี้ก็ควรมีเปิดไว้ด้วยจึงขอจัดกลุ่มเป็นกิจการ SME
ช่องทางในการระดมทุนในตลาดทุน สำหรับกิจการทั้งสองประเภท มี 4 ช่องทาง
-
Social Enterprise (SE) วิสาหกิจเพื่อสังคม
ช่องทางนี้สำหรับกิจการที่จดทะเบียนกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม (สวส.) ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม วิสาหกิจเพื่อสังคมสามารถระดมทุนโดยการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป สามารถโฆษณาในวงกว้าง และยังสามารถระดมทุนผ่านช่องทางออนไลน์ได้ด้วย แต่ต้องบอกชัดเจนว่าขึ้นทะเบียนกับสวส. เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมประเภทจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นได้ไม่เกิน 30% ของกำไร หรือได้จดทะเบียนแบบไม่ปันผลกำไร เพื่อให้ผู้ลงทุนเข้าใจและทราบจุดประสงค์ในการลงทุน และวิสาหกิจเพื่อสังคมจะต้องมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมตามที่ได้บอกผู้ลงทุนไว้และขอให้รายงานผลการขายหรือรายงานผลการระดมทุนให้กับทางสวส. เพื่อให้ทาง ก.ล.ต. ทราบว่าการระดมทุนสำหรับวิสาหกิจเพื่อสังคมเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งหลังจากที่ออกเกณฑ์ไปเมื่อปี 2563 มีวิสาหกิจเพื่อสังคมที่ระดมทุนไปแล้วประมาณ 3 ราย มูลค่าร้อยกว่าล้านบาท
ประเด็นสำคัญมีดังนี้
- วิสาหกิจเพื่อสังคมไม่ต้องยื่นเอกสารกับ ก.ล.ต. ซึ่ง ก.ล.ต. จะผ่อนเกณฑ์ให้ค่อนข้างมาก ซึ่งถ้าเป็นธุรกิจที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมตามพ.ร.บ.ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม เวลาระดมทุนจะต้องทำเอกสารยื่นแสดงต่อ ก.ล.ต. ก่อน
- ในมุมของผู้ลงทุนเองสามารถไปตรวจสอบได้ที่ สวส. ว่ากิจการที่โฆษณาระดมทุนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมถูกต้องจริงหรือไม่
- ส่วนวิสาหกิจเพื่อสังคมถ้าไปหาผู้ลงทุนต้องมีเอกสารที่บอกว่ากิจการชื่ออะไร ทำอะไร จดทะเบียนมีรายชื่อในสวส. แล้ว ต้องการเอาเงินทุนไปทำอะไรเพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถใช้ประกอบการตัดสินใจได้
สำหรับช่องทางหลังจากนี้จะเป็นช่องทางสำหรับกิจการที่ขอใช้คำว่า SME โดยกิจการของท่านอาจจะเป็น SME ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสังคม เพียงแต่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมกับสวส.
-
Private Placement (PP)
เปิดให้กิจการที่เข้าข่ายเป็นวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม หรือธุรกิจ SME ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กำหนดสามารถระดมทุนได้จากบุคคลในวงแคบหรือวงจำกัด ทั้งในรูปแบบหุ้นหรือหุ้นกู้แปลงสภาพหากลงทะเบียนกับ สสว. แล้ว แต่ต้องแจกเอกสารข้อมูลสรุปให้กับผู้ลงทุนทราบก่อนการขายว่ากิจการทำอะไร ผลประกอบการที่ผ่านมาเป็นอย่างไร โดยห้ามโฆษณาเป็นวงกว้าง และต้องรายงานผลการขายมายังสำนักงาน
สามารถระดมทุนได้กับใครบ้าง?
- ผู้ลงทุนที่มีความรู้ หรือมีประสบการณ์ในการลทุน ได้แก่ ผู้ลงทุนสถาบัน (Institutional investor: II) นิติบุคคลร่วมลงทุน (Venture Capital : VC) กิจการเงินร่วมลงทุน (Private Equity : PE) Angel investor ซึ่งสามารถลงทุนได้ไม่จำกัด
- กรรมการ พนักงานของบริษัท
- ผู้ลงทุนรายย่อยไม่เกิน 10 รายและมูลค่าไม่เกิน 20ล้านบาท (เฉพาะกิจการไซส์กลาง)
เหมาะกับ SME ที่มีผู้ลงทุนอยู่แล้วและต้องการจะระดมทุนจากผู้ลงทุนแค่ไม่กี่คนซึ่งเป็นสิ่งที่ ก.ล.ต. เปิดให้ระดมทุนเมื่อช่วงต้นปี 63
หลายๆท่านอาจจะบอกว่าแล้วถ้าไม่มีผู้ลงทุนหรือหาผู้ลงทุนไม่ได้แต่ต้องการจะระดมทุนจะทำอย่างไร? ไปดูวิธีที่ 3 ได้เลย
-
Crowdfunding (CF)
ในกรณีที่เราเป็น SME หรือเป็นธุรกิจเพื่อสังคมที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนรับรองเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมจากทาง สวส. ยังมีอีกหนึ่งวิธีการระดมทุนที่เรียกว่า Crowdfunding ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่เป็นที่นิยม เพราะเป็นการระดมทุนจากคนหมู่มากด้วยจำนวนเงินเพียงคนละเล็กน้อยได้ เหมาะสำหรับกิจการที่ต้องการเงินลงทุนแต่ไม่รู้จะหาผู้ลงทุนจากที่ใดโดยปัจจุบันจะมี Funding Portal หรือตัวกลางผู้ให้บริการด้านการระดมทุนแบบ Crowdfunding ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. แล้ว เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการระดมทุน
โดยหลักการของ Funding Portal นั้นจะตรวจสอบศักยภาพและข้อมูลของแต่ละกิจการ รวมไปถึงฐานะทางการเงินและผลประกอบการ ถ้ามีศักยภาพเพียงพอ ทาง Funding Portal ก็จะพากิจการนั้นๆไปหาผู้มีเงินทุนที่ต้องการลงทุน ผ่านการนำข้อมูลของกิจการไปประกาศลงบนแพลตฟอร์มของ Funding Portal นั้นๆ และอำนวยความสะดวกในการช่วยจับคู่กับนักลงทุนที่สนใจ
การระดมทุนในรูปแบบนี้แบ่งได้เป็นสองประเภทกว้างๆ
- หุ้นสามัญ (Equity based)
- หุ้นกู้ (Bond based)
(อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://capital.sec.or.th/webedu/upload/file-09062015160156866.pdf)
หลายๆคนอาจมีคำถามว่าการระดมทุนในรูปแบบ crowdfunding มีต้นทุนสูงกว่าการไปกู้ยืมสถาบันการเงินหรือเปล่า ซึ่งต้นทุนทางการเงินของการระดมทุนในรูปแบบนี้นั้นจะมีมากกว่า แต่ข้อดีของวิธีนี้คือ การที่ Funding Portal จะช่วยในเรื่องของการคัดกรองข้อมูล การจับคู่ผู้ต้องการเงินทุนกับผู้มีเงินทุน รวมถึงการโฆษณาไปถึงผู้คนจำนวนมากได้และไม่ต้องวางหลักประกัน ซึ่งเป็นข้อดีที่ต่างกับการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
ปัจจุบันมีอยู่ราวๆ 10 รายที่ระดมทุนด้วยวิธีนี้สำเร็จ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นหลัก 10 ล้าน อาจจะเป็นหลักล้านหรือหลักแสนก็ได้ ดังนั้น รูปแบบการระดมทุนแบบนี้จึงเหมาะกับกิจการที่อาจจะขนาดไม่ใหญ่มาก และยังไม่รู้ว่าต้องไปหาเงินลงทุนจากที่ไหน ซึ่งในช่วงต้นทาง Funding Portal อาจจะยังไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่ก็ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของ Funding Portal แต่ละที่ด้วย
-
Public Offering (PO) / SME Board
ทุกวันนี้ ก.ล.ต. กำลังอยู่ระหว่างจะเปิดช่องทางการระดมทุนนี้เพิ่มเติมให้ SME (คาดว่าไม่เกินไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 นี้) ปัจจุบันหลายคนเข้าใจว่าต้องเป็นกิจการขนาดใหญ่เท่านั้นถึงจะสามารถจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ได้ แล้วกิจการขนาดเล็กทำไมไม่เปิดให้สามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ ซึ่งจากที่กล่าวไว้ตั้งแต่ต้น เราเองกำลังเปิดช่องทางให้ SME สามารถระดมทุนจากคนจำนวนมากได้และให้จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ได้ (ไม่ใช่ SET, mai) แต่เป็นตลาดหลักทรัพย์ใหม่สำหรับธุรกิจ SME โดยเฉพาะซึ่งกิจการจะสามารถระดมทุนกับผู้ลงทุนจำนวนมากได้โดยสามารถเอาหุ้นของตัวเองไปจดทะเบียนเพื่อซื้อขายในตลาดรองได้ แต่เนื่องจากต้องให้การระดมทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมีการคุ้มครองผู้ลงทุนจึงจำเป็นต้องจำกัดประเภทผู้ลงทุนบางรายที่เข้ามาในตลาดนี้เฉพาะผู้ที่มีความรู้ ประสบการณ์ รับความเสี่ยงได้โดยกิจการที่ระดมทุนต้องเปิดเผยข้อมูลสำคัญให้ครบซึ่งก็ขอให้ติดตามกันไปก่อน อาจจะได้ข้อสรุปในช่วงเดือนหน้าสำหรับผู้ที่สนใจระดมทุนและลงทุน
สรุปช่องทางการระดมทุน โดยคำแนะนำจากคุณไพบูลย์ ดำรงวารี
เรามีช่องทางการระดมทุนสำหรับกิจการที่เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมตามพ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ทำได้ง่ายๆ ตามช่องทางที่ 1 แต่ถ้าเป็นกิจการที่มีสินค้าเพื่อสังคมแต่ยังไม่ได้จดทะเบียนเนื่องจากความไม่พร้อม เช่น ยังต้องการปันกำไรเกิน 30% อยู่ จะขอเรียกว่า SME ซึ่งสามารถใช้ช่องทาง 2 3 และ 4 ได้ แต่ถ้าไม่มีหรือไม่รู้จักผู้ลงทุนเลย แนะนำช่องทางที่ 3 แต่ถ้าต้องการระดมทุนจากคนหมู่มาก พร้อมแล้ว โตมาระดับหนึ่ง หวังว่าจะเข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์หรือ mai บ้าง แต่ว่าทุนจดทะเบียนอาจจะยังไม่ถึงให้รอสักระยะ เพราะจะมีตลาดหลักทรัพย์ใหม่ ซึ่งเป็นตลาดที่ 3 สำหรับ SME โดยเฉพาะ
เป็นอย่างไรกันบ้างกับประเด็นที่เรายกมาให้อ่านกันจากงาน SE NIGHT ครั้งที่ 17
หัวข้อ “ รู้ลึก รู้จริง ช่องทางระดมทุน สำหรับ SE” …หวังว่าท่านจะได้อะไรติดมือไม่มากก็น้อย
หากมีคำถามเกี่ยวกับ ….. สามารถสอบถามทีมงาน SE Thailand ผ่านทางเพจ Facebook และ อย่าลืมติดตาม SE Night ประจำทุกเดือนได้ ผ่านทาง ZOOM และ/หรือ Facebook LIVE เพื่อให้ไม่พลาดกิจกรรมดีๆ