สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ปลายด้ามขวานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่จะสร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและกำลังใจในฟากฝั่งของเจ้าหน้าที่ แน่นอนว่ามันส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มผู้หญิงที่ต้องก้าวข้ามทั้งความเศร้า การเปลี่ยนบทบาทจากแม่บ้านที่ดูแลสมาชิกในครอบครัวให้กินอิ่ม นอนหลับ และเติบโต สู่การเป็นผู้นำที่ต้องเป็นเสาหลักในการหารายได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ก่อกำเนิดศูนย์ธุรกิจเพื่อสังคมเล็กๆ นามว่า ‘วานีตา (Wanita)’ กับความเชื่อที่ว่าศักยภาพของผู้หญิงจะสามารถสร้างประโยชน์ในมิติเชิงเศรษฐกิจและสังคม โดยมีปลายทางคือการสร้าง ‘สันติภาพ’ ให้เกิดขึ้น
การพูดคุยกับตัวแทนกลุ่มอย่าง อลิญา หมัดหมาน และ วีดะ อิแม ทำให้เราเห็นภาพสะท้อนบางอย่างที่แตกต่างไปจากสิ่งที่เราเคยรับรู้ แน่นอนว่าทั้งคู่ไม่ปฏิเสธถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น แต่ในเส้นทางคู่ขนาน พื้นที่ ณ ปลายด้ามขวานแห่งนี้ยังคงเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ตั้งแต่ทรัพยากรบุคคลที่มีกำลังความสามารถในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความงดงามของธรรมชาติ ความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ ที่แน่นอนที่สุดก็คือในหัวใจของคนในพื้นที่ที่ต่างเชื่อมั่นว่าในท้ายที่สุดแล้ว ‘สันติภาพ’ จะเกิดขึ้นกับพวกเขาอีกครั้ง
Q: ขอทราบที่มาที่ไปของ Wanita ก่อน ตั้งแต่ความหมายของชื่อ ความตั้งใจในการก่อตั้งกลุ่ม รวมถึงวิธีการทำงาน?
A: คำว่า วานีตา หรือ Wanita จริงๆ แล้วเป็นภาษามาลายู แปลว่า ผู้หญิง ซึ่ง Wanita เป็นโครงการต่อยอดของ Oxfam ที่ทำงานลงพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อ 8 ปี ก่อน ซึ่งในช่วง 3-4 ปีหลังเราเน้นหนักในเรื่องการเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจผ่านกลุ่มอาชีพผู้หญิงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กับ 4 อำเภอ ในจังหวัดสงขลามากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ด้วยบริบทในพื้นที่ที่บทบาทของผู้หญิงจะเป็นผู้ตามเสียส่วนใหญ่ โดยผู้นำจะเป็นผู้ชายที่คอยหาเลี้ยงครอบครัวแต่เมื่อมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น ทำให้มีผู้หญิงบางส่วนที่ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียสามี สิ่งที่ตามมาคือผู้หญิงกลุ่มนี้จำเป็นต้องพลิกตัวเองขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทน จากการเป็นผู้ตามมาโดยตลอด พวกเขาจึงไม่ได้รับการเตรียมความพร้อมเพื่อทำหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่ยากสำหรับพวกเขาพอสมควรเลย นั่นจึงป็นเหตุผลว่าทำไม Oxfam เลือกที่จะทำงานกับกลุ่มผู้หญิงในพื้นที่ เพราะเราชื่อว่าจริงๆ แล้วผู้หญิงมีศักยภาพดีๆ ในตัวเอง หากได้มาทำงานร่วมกัน ก็สามารถช่วยเติมเต็มหรือปลดล็อคอะไรบางอย่าง ทำให้เขาสามารถไปต่อได้ ซึ่งเราเห็นศักยภาพ จึงอยากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดึงศักยภาพผ่านการทำงานร่วมกัน
สำหรับการทำงานที่ผ่านมาเราทำงานร่วมกันในลักษณะของการเสริมสร้างศักยภาพ ให้องค์ความรู้ทั้งทางธุรกิจและภาวะความเป็นผู้นำ ช่วยเหลือในการเชื่อมตลาดบ้าง เช่น การพามาดูตลาดที่กรุงเทพฯ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้ว สินค้าจะขายได้แต่ในพื้นที่ นี่จะเป็นการทำงานในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จนเมื่อปี 2559 ก็ถึงจุดที่ Oxfam มานั่งคิดว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรดีให้มีความยั่งยืนมากกว่านี้ เพราะว่า Oxfam ไม่สามารถอยู่ในพื้นที่ไปได้ตลอด และต้องมีวันหนึ่งที่เราออกไป แต่ก่อนที่เราจะออกไปนั้น เราอยากให้มั่นใจว่าพื้นที่ตรงนี้จะต้องได้รับการพัฒนาอย่างยืนก่อน บวกกับก่อนหน้านี้ในช่วงปี 2558 ทาง ดร.นันทรัตน์ ตั้งวิฑูรธรรม อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ลงไปทำวิจัยเรื่องซัพพลายเชน (supply chain) ของกลุ่มอาชีพผู้หญิงทั้งหมดที่เรามีภายใต้โครงการ ก็พบว่า จริงๆ แล้วในพื้นที่มีทรัพยากรมากมายเลยนะ ทั้งทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงศักยภาพของผู้หญิง เพียงแต่อาจจะยังไม่ได้ถูกนำออกมาใช้ ในรายงานวิจัยนั้นได้แนะนำว่าควรจะมีศูนย์อะไรสักอย่างที่นั่นที่สามารถให้ได้ทั้งองค์ความรู้ เป็นศูนย์กลางที่คนภายในและคนภายนอกสามารถพบปะกันได้ ประกอบกับความตั้งใจของ Oxfam เองที่อยากจะเห็นการพัฒนาที่ยั่งยืนในพื้นที่ Wanita จึงถูกก่อตั้งขึ้นโดย Oxfam กลุ่มอาชีพผู้หญิงและภาคีเครือข่ายในพื้นที่ เป็นศูนย์ธุรกิจเพื่อสังคม โดยใช้โมเดลธุรกิจเพื่อสังคมเพื่อสร้างอิมแพคทางสังคม และที่สำคัญคนในพื้นที่เป็นเจ้าของศูนย์นี้
โดย Wanita ก่อตั้งอย่างเป็นทางการในปี 2559 แต่ตอนนั้นเราทำในลักษณะออนไลน์แพลตฟอร์ม ทำเว็บไซต์ (www.wanita.in.th) เฟซบุ๊ค (www.facebook.comwanitase) มาปี 2560 นี้เราเปิดศูนย์เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็จะเป็นหน้าร้านในพื้นที่ โดยตั้งอยู่หน้าโรงแรม C.S. อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
Q: แต่ละกลุ่มเข้ามาร่วมโครงการได้อย่างไร?
A: ก่อนหน้านี้เราทำงานผ่านพาร์ทเนอร์ ซึ่งเป็นเครือข่ายการทำงานกัน โดยตอนนี้ เรามีทีมงาน Wanita ซึ่งจะมีการลงพื้นที่เพื่อประชาสัมพันธ์ให้แก่กลุ่มอาชีพผู้หญิงที่สนใจผ่านเครือข่ายที่เราเคยทำงานกันก่อนหน้านี้ ทั้งกลุ่มอาชีพที่เราทำงานร่วมกันมา รวมถึงเครือข่ายการทำงานในพื้นที่ องค์กรภาคีเครือข่าย องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมในพื้นที่เราก็ประชาสัมพันธ์ โดยเราให้เกณฑ์คือต้องการกลุ่มอาชีพผู้หญิงที่จะเข้ามาอยู่ภายในโครงการนี้แบบนี้ๆ นะ 1, 2, 3, 4 ก็ประกาศรับสมัครไป ซึ่งตอนนี้เราก็มีกลุ่มอยู่ประมาณ 56 กลุ่ม มีสมาชิกเกือบ 700 คน แล้วกลุ่มที่เข้าร่วมโครงการก็จะมีความหลากหลายตั้งแต่กลุ่มอาหาร หัตถกรรม เครื่องจักสาน การเกษตร
Q: เกณฑ์ที่ทางกลุ่มตั้งไว้ มีอะไรบ้าง?
A: อย่างแรกคือจะต้องเป็นกลุ่มผู้หญิงที่รวมตัวกันอย่างน้อย 5 คน ขึ้นไป โดยที่สมาชิกจะต้องเป็นผู้หญิง ในกลุ่มสามารถมีสมาชิกที่เป็นผู้ชายได้นะคะ แต่สมาชิกส่วนใหญ่จะต้องเป็นผู้หญิงและประธานกลุ่มจะต้องเป็นผู้หญิงค่ะ สองคือวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาชีพจะต้องเป็นวัตถุดิบที่มาจากในพื้นที่สูงกว่าที่นำเข้า ใช้กระบวนการผลิตที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม นี่จะเป็นเกณฑ์เบื้องต้น ซึ่งเราจะมีเกณฑ์ในเชิงรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ด้วย
Q: หน้าที่ของศูนย์ในเชิงพัฒนามีการพัฒนาด้านใดให้กับสมาชิกบ้าง?
A: ฟังก์ชั่นด้านบริการของ Wanita แบ่งได้ 4 ด้าน ได้แก่
ด้านแรก : ส่งเสริมศักยภาพผ่านองค์ความรู้ในรูปแบบการอบรมไม่ว่าจะเป็นความรู้ด้านการทำธุรกิจ ทักษะการเป็นผู้นำบทบาทชายหญิง
ด้านที่สอง : จะเป็นด้านการเชื่อมตลาด โดยเราจะเป็นตัวกลางที่คอยเชื่อมตลาดให้สินค้าของ Wanita เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้ได้กว้างมากยิ่งขึ้น ในช่วงนี้เราทำผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ เรามีเว็บไซต์ เฟซบุ๊คที่ทำหน้าที่สื่อสารและประชาสัมพันธ์ รวมถึงการทำตลาดนอกพื้นที่เพื่อให้สินค้ากลุ่มอาชีพเข้าถึงตลาดใหม่ๆ ได้มากยิ่งขึ้น
ด้านที่สาม : คือการสร้างกลไกเครือข่ายการทำงาน โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ระดับแรก คือการทำงานกับภาคเอกชน ที่ผ่านมาเรามีประสบการณ์การทำงานกับภาคเอกชนอยู่บ้าง เราทำหน้าที่คล้ายๆ กับ business matching ให้กับกลุ่มอาชีพมาเจอกับภาคเอกชนที่มีความสนใจผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม ตัวอย่างที่เห็นชัดๆ เลยคือโรงแรมรายาวดีที่จังหวัดกระบี่ เขาต้องการจะสั่งซื้อคีย์การ์ดจากผ้าปาเต๊ะ เราจึงจับคู่เขากับกลุ่มสตรีโรงอ่างที่ผลิตกระเป๋าจากผ้าปาเต๊ะ ในเคสนี้เราคิดว่ามันมีโซเชียลอิมแพคที่ค่อนข้างมากแก่ทั้งสองฝ่าย ด้านหนึ่งคือภาคเอกชนเองก็ได้สินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เป็นธรรม ตอบโจทย์ CSR ของเขา ด้านที่สอง คือกลุ่มของเรามีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นวิธีการที่ตัวก๊ะๆ กลุ่มอาชีพ (ก๊ะ หมายถึง พี่สาวในภาษามลายู) เองได้เรียนรู้และปรับตัวในการทำงานกับภาคเอกชนให้เป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น ทั้งการพัฒนาสินค้าและคุณภาพ ยิ่งไปกว่านั้นคือความภาคภูมิใจของกลุ่มอาชีพตัวเองด้วย เพราะสินค้าของเขาได้ไปอยู่ในโรงแรมระดับ 5 ดาวนะ ซึ่งตรงนี้สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มอาชีพอื่นๆ ไปด้วย
อีกอย่างหนึ่งคือเราสามารถช่วยสร้างเงื่อนไขการทำธุรกิจที่เป็นธรรมระหว่างการค้าทั้ง 2 ฝ่ายไปปลดล็อคเงื่อนไขบางอย่าง เช่น ก่อนหน้านี้ภาคเอกชนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าการสั่งซื้อสินค้าในปริมาณที่มากโดยที่ไม่มีการจ่ายมัดจำล่วงหน้าทำให้ผู้ประกอบการกลุ่มเล็กๆ ที่ไม่มีเงินทุนหมุนเวียนขาดโอกาสในการรับออเดอร์ อย่างในครั้งแรกเลยที่กลุ่มโรงอ่างได้รับออเดอร์ประมาณ 1,000-2,000 ชิ้น ก๊ะๆ ก็รวมเงินที่มีทั้งหมดในบ้านไปซื้อวัตถุดิบทั้งหมด เพราะต้องการที่จะผลิตในปริมาณมากได้ แต่เราไม่ได้ทราบตรงนั้นเลย จนเขาโทรมาแจ้งว่าจะส่งสินค้าให้กับโรงแรมแล้ว แต่ไม่มีค่าขนส่งเพราะเงินที่มีถูกนำไปใช้ในการซื้อวัตถุดิบเพื่อการผลิตไปแล้ว นั่นเลยเป็นบทเรียนสำหรับเราในการเรียนรู้ร่วมกันว่า การค้าในลักษณะแบบนี้ เราสามารถช่วยปลดล็อคตรงไหนได้บ้าง ซึ่งเมื่อมีการสั่งซื้อครั้งที่ 2 เราได้มีการต่อรองและสร้างเงื่อนไขในครั้งที่ 2 ว่า พอจะเป็นไปได้ไหมที่ทางโรงแรมจะโอนค่ามัดจำ 50 เปอร์เซ็นต์มาก่อนเพื่อให้เกิดเป็นทุนหมุนเวียนแก่กลุ่มอาชีพในการนำไปซื้อวัตถุดิบและเป็นสภาพคล่องการทำงานของกลุ่มอาชีพ พอเราอธิบายเขาทำให้เขาเข้าใจและยอมรับเงื่อนไขตรงนี้ ทำให้ในการสั่งซื้อครั้งต่อๆ มาเงื่อนไขนี้ได้ถูกนำมาใช้ ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ทางโรงแรม ทางกลุ่มสมาชิก และ Wanita เองได้เรียนรู้ไปพร้อมกันด้วย เมื่อเรามีความเข้าใจตรงนั้น ภาคเอกชนเองก็เข้าใจในเงื่อนไข ทางกลุ่มก็รู้แล้วว่าจะต้องเตรียมความพร้อมของตัวเองทำอย่างไรเมื่อได้รับออเดอร์จำนวนมาก จึงเกิดระบบการค้าที่เป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ไปปลดล็อคเงื่อนไขบางอย่างให้กลุ่มได้เติบโตขึ้น
ในการสร้างเครือข่ายระดับที่ 2 ก็คือการสร้างเครือข่ายในระดับพื้นที่เอง เพราะว่าก่อนหน้านี้การทำงานด้านการสนับสนุนอาชีพในพื้นที่นั้นมีหลายหน่วยงานมาก ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคประชาสังคมที่ทำงานด้านการส่งเสริมอาชีพแบบเดียวกันนี้แต่ไม่มีพื้นที่กลางในการพูดคุยกัน ทำงานในลักษณะต่างคนต่างทำ แล้วทรัพยากรก็ถูกนำไปใช้ในวิถีทางของตัวเอง ทั้งๆ ที่บางครั้งทำเรื่องเดียวกัน เราอยากลดความซ้ำซ้อนในการทำงานตรงนี้ รวมถึงเป็นการกระจายทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่ให้ใช้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงมีการจัดตั้งเวที Women’s Economic Empowerment Forum (WEE Forum) โดยมุ่งหวังให้เป็นพื้นที่แห่งการแลกเปลี่ยนความรู้ ซึ่งนำไปสู่การทำงานร่วมกันมากขึ้น
ส่วนระดับที่ 3 เป็นการทำงานกับเครือข่ายที่ปรึกษาผ่านโครงการ Global Impactors Network (www.globalimpactors.org) ริเริ่มจากสถาบัน Change Fusion ร่วมกับ Oxfam โครงการดังกล่าวเป็นแพลทฟอร์มที่ให้คนในเมืองหรือผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่สนใจประเด็นทางด้านสังคมและอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเหลือสังคมให้คลี่คลายปัญหามาพบเจอพูดคุยกัน โดยที่พวกเขาเหล่านี้จะใช้ความรู้ ทักษะ ความเชี่ยวชาญของตัวเองในการช่วยปัญหาสังคมนั้นๆ อย่าง Wanita เองเรามีที่ปรึกษาที่ดีคอยให้คำแนะนำและช่วยกันพัฒนาสินค้าของกลุ่มอาชีพให้มีรูปแบบที่ทันสมัยเพื่อเข้าถึงตลาดในเมืองได้มากยิ่งขึ้น
ด้านที่ 4 : เรามีกองทุนหมุนเวียนเพื่อที่จะให้สมาชิกกลุ่มสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น โดยที่เราปล่อยกู้แบบไม่มีดอกเบี้ย เพราะที่ผ่านมาเราเจอกลุ่มผู้หญิงที่กำลังจะโต เช่น กลุ่มโรงอ่างพอไม่มีเงินทุนหมุนเวียนก็ทำให้เขาไปไหนได้ไม่ไกล เพราะฉะนั้นกองทุนหมุนเวียนสามารถช่วยปลดล็อคบางอย่างแล้วช่วยให้เขาสามารถสเกลอัพธุรกิจให้โตขึ้นได้
Q: การสร้างเครือข่ายในระดับพื้นที่มีการทำงานแบบเป็นรูปธรรมอย่างไรบ้าง?
A: ด้วยปัจจัยข้างต้น Oxfam เลยคิดว่าควรที่จะมีพื้นที่ตรงกลางในการสร้างกลไกบางอย่างให้คนเหล่านี้มาเจอกัน จึงสร้างฟอรั่มที่ชื่อว่า WEE Forum (Women’s Economic Empowerment) ซึ่งเราดำเนินการมา 5 ครั้งแล้ว โดยล่าสุดคือเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา ฟอรั่มดังกล่าวเป็นการสร้างพื้นที่กลางให้คนทำงานมาเจอกัน สามารถมาแชร์ข้อมูลกัน หลังจากมีฟอรั่ม สิ่งที่ตามมานอกจากคนที่ทำงานจะได้ทำความรู้จักกันแล้ว ยังเกิดความร่วมไม้ร่วมมือกัน ทำงานไปด้วยกันได้ รวมถึงกลุ่มอาชีพภายใต้หน่วยงานเองก็มาเจอกัน เป็นเพื่อนกัน จากก่อนหน้าที่ต่างคนต่างทำ มีความซ้ำซ้อน ไม่กระจายทรัพยากร ฟอรั่มยังช่วยดึงข้อมูลข่าวสารและการบริการให้กับกลุ่มชายขอบได้เป็นการสร้างเครือข่ายด้านที่ 2
Q: นอกจากดีไซเนอร์และผู้เชี่ยวชาญที่จะลงไปช่วยเหลือเรื่องเทรนนิ่งและทักษะต่างๆ แล้ว ระหว่างกลุ่มที่อยู่ในศูนย์เองมีการแลกเปลี่ยนความรู้กันบ้างไหม?
A: ตอนนี้เราเห็นถึงการคุยกันหรือแชร์ความรู้และทักษะที่ตนเองมีระหว่ากลุ่มเพิ่มมากขึ้นค่ะ เนื่องจากเรามีช่องทางไลน์ที่เป็นไลน์กลุ่มของ Wanita เอง โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นการสื่อสารภายในระหว่างทีม Wanita และกลุ่มอาชีพ Wanita แต่หลังๆ เราเห็นว่าช่องทางนี้นอกเหนือจากเป็นช่องทางการสื่อสารแล้ว กลายเป็นพื้นที่กลางให้กลุ่มได้แลกเปลี่ยนความรู้ ทักษะ หรือประชาสัมพันธ์กิจกรรมกลุ่มข่าวสารอื่นๆ ที่น่าสนใจด้วย เพราะหลังจากการประชุมหรือการฝึกอบรมที่ทำให้กลุ่มอาชีพได้มาเจอกัน ทำให้พวกเขาเหล่านี้กลายเป็นเพื่อนกัน แบ่งปันความรู้ จึงเป็นพื้นที่ที่ผู้หญิงมาช่วยสนับสนุนส่งเสริมกันและกัน
Q: การทำงานในทีมของ Wanita เป็นอย่างไร มีสมาชิกกี่คน การแบ่งงาน วิธีการทำงานอย่างไร?
A: ใน Wanita มีอยู่ด้วยกัน 5 คน จะมีญาที่คอยดูแลภาพรวมทั้งหมดผ่านการปรึกษากับทีมงาน Oxfam และ วี (วีดะ อิแม) เป็นเจ้าหน้าที่กองทุนหมุนเวียน Wanita แล้วก็จะมีน้องอามิเนาะห์ (อามีเนาะห์ หะยีมะแซ) เป็นเจ้าหน้าที่การเงินที่ดูแลการเงินโครงการ Wanita รวมถึงเรื่องการวางระบบบัญชี การเสริมสร้างการออมให้แก่กลุ่มอาชีพ Wanita น้องฟาอิซะห์ (ฟาอิซะห์ มามะ) เจ้าหน้าที่การขายที่คอยดูแลหน้าร้าน Wanita และคอยดูแลเฟซบุ๊ค เว็บไซต์ ติดต่อประสานงานกับลูกค้า สุดท้ายคือน้องมาดิฮะห์ (มาดีฮะห์ สามะ) จะดูแลอยู่ 2 ส่วน ส่วนแรกคือการอบรม โดยจะคอยคัดสรรหัวข้อการฝึกอบรมให้กับกลุ่มอาชีพว่าในแต่ละช่วงเวลาควรจะให้องค์ความรู้ด้านใดแก่สมาชิก อย่างที่สองคือการดูแลเรื่องกลยุทธ์ด้านการตลาดของ Wanita ว่าสามารถเข้าช่องทางไหนได้บ้าง หรือจะทำอย่างไรให้ตลาดของเรามีปริมาณมากพอ และจริงๆ จะมีน้องต๊ะ (กอนีต๊ะ สะรี) เป็นน้องเล็กสุดในทีมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน Oxfam ในปัตตานีที่ดูแลโครงการเยาวชนในพื้นที่ และจะคอยช่วยงาน Wanita อยู่บ้างตามโอกาสค่ะ